งานที่ทำ สิ่งที่ทำใช่งานของเราแล้วจริงๆ หรือ

ที่จริงแล้ว หลายคนพยายามที่จะแสวงหาตนเองและอยากจะรู้ว่าตนเองนั้นเป็นคนเก่งแบบไหน และชอบคิดไปเองเสมอว่าเรานั้นเก่งเรื่องนั้น เก่งเรื่องนี้ ในความเป็นจริงๆเราอาจจะไม่เก่งอย่างที่คิดไว้ก็ได้ หรือบางครั้งเราอาจจะไม่ได้เก่งในเรื่องที่ทำมาทั้งหมดเลย ความจริงเราไม่ได้เป็นคนห่วยแต่อย่างใด แต่เรากำลังพยายามหาสิ่งที่เราถนัดที่สุดมากกว่า บางคนโชคดีหน่อยพอได้เริ่มทำงานสัก 3-4 อย่างก็พบเจอกับสิ่งที่ตัวเองถนัดเข้าให้แล้ว แล้วก็ตั้งใจทำต่อยอดจนกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญและเป็นผู้ชำนาญการในที่สุด ยกตัวอย่าง สตีฟจ็อบ ผู้ที่คิดว่าต้องมีไอโฟนในสักวัน เพราะได้คำนวนมาเป็นอย่างดีได้ทำการพัฒนาและรู้ว่ามันสามารถทำได้จริง ไม่นานก็สำเร็จออกมา ย่อคอมพิวเตอร์เครื่องโตๆ เครื่องใหญ่ๆ กลายเป็นเครื่องเล็กๆที่เราสามารถที่จะพกพากันไปไหนต่อไหนก็ได้
เท่ากับว่าตอนนี้ ไม่ว่าเราจะทำอะไรมีความสนใจและจริงจังกับสิ่งไหนก็ต้องไปให้สุดทาง สิ่งที่สำคัญที่สุดหลังจากมีความชอบในสิ่งนั้นอย่างหาจุดที่สุดไม่เจอแล้ว ก็ต้องมองไปอีกส่วนว่า เราต้องมีความเชื่อว่ามันทำได้ และต้องพยายามหาทางให้พบกับความสำเร็จให้จงได้
วิธีค้นพบตัวเองว่าจะทำอย่างไรให้รู้ว่าเรานั้น มาเจอทางที่ใช่หรือไม่
1.ทำทุกอย่างที่ขวางหน้า
ถ้าเราอยู่ในช่วงวัยทำงาน ไม่ว่าเราจะทำหน้าที่ใดก็แล้วแต่ เราจำเป็นต้องทำทุกอย่างที่ขวางหน้าไว้ก่อน ไม่ว่าจะมีตำแหน่งที่สูงที่สุดหรือ ตำแหน่งที่ด้านล่างที่สุด เมื่อเรามีโอกาสที่จะได้ทดลองทำแล้วก็ตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ ตั้งใจทำให้สุดความสามารถ อย่าเพิ่งคิดว่าทำไม่ได้ ทุกคนอยากมีโอกาส แต่ก็มีหลายคนที่ไม่ได้โอกาส เมื่อเราได้โอกาสตรงนั้นมาแล้วก็ต้องรีบทำ อย่างเช่น ถ้าเราเป็นช่างสักหนึ่งอย่าง แล้วมีการให้เราได้ทดลองทำงานชิ้นอื่นเพิ่ม ทำงานอย่างอื่นในทางที่ไม่ถนัด แต่อยากที่จะเรียนรู้ต้องรีบลงมือทำอย่าปล่อยให้โอกาสหลุดไป ตรงนี้อาจจะเป็นบันไดอีกก้าวที่พาเราไปสู่ความสำเร็จได้
2.อย่าหมดคำถาม
สำหรับนักคิด นักทำ ต้องมีคำถามอยู่ในหัวเสมอ อย่างเช่น ถ้าเราทำแบบนี้ผลจะเป็นอย่างไร ถ้าทำแบบนั้นผลจะออกมาแบบไหน ต้องมีคำถามเกิดขึ้นไว้เสมอ อย่าปล่อยให้คำถามเหล่านั้นหมดไปจากใจของเรา เมื่อไหร่ที่เราไม่มีคำถามและไม่สามารถที่จะหาคำถามจากมันได้ แปลว่าเราได้เรียนรู้อย่างหมดจดแล้ว หรือไม่เราก็ถึงทางตันทางนี้ไม่เหมาะกับเรา เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่ ก็ให้หาช่องทางไปต่อ เราได้กำไรจากสิ่งที่ทำแล้ว ไม่มีคำว่าขาดทุนแน่นอน
3.สนุกกับสิ่งที่ทำตลอดเวลา
ช่างบางคนมีความสุขกับการได้ลื้อได้ทำเป็นอย่างมาก บางคนก็มีคำถามสงสัยมาตลอด อย่างเช่นชิ้นงานที่เหมือนกันแต่คนละรุ่น คนละยี่ห้อใช้กันได้หรือไม่ ก็ทำการทดสอบ ทดลองแล้วก็สนุกกับมัน ได้ผลตอบรับที่น่าตื่นเต้น คำว่าตื่นเต้นนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการทำงาน เมื่อไหร่ที่เราเจองานแล้วตื่นเต้นไปกับมันเป็นอย่างมากนั้นก็คือสิ่งที่ จะนำพาเราไปเจอกับสิ่งที่ใช่ในเร็ววันนี้ ยิ่งทำยิ่งสนุก ยิ่งทำก็ยิ่งดีขึ้น รู้ว่าต้องเพิ่มต้องลดตรงไหน แบบนี้จัดว่าดีที่สุด เป้าหมายใกล้เข้ามาทุกที่แล้ว อย่าหยุดที่จะไปต่อแม้ต้องเจอกับคำที่ดูถูก
4.อย่าแคร์คำพูดของคนที่ไม่รู้จริง
เรามักจะเจอกับปัญหาเรื่องนี้อยู่บ่อยๆ นั้นคือ เราจะเจอกับคนที่ไม่รู้จริงแล้วมาบอกว่าเราต้องทำแบบนั้น ทำแบบนี้ แล้วผลลัพธ์ถึงจะออกมาดีที่สุด แต่พอเราทำตามจริงๆ หรือเคยทำมาแล้วมันไม่ดี เขาก็จะมีข้อโต้งแย้งสารพัดแล้วพอให้มาทดลองหรือมาให้ดูผลการทดลองก็จะหาทางออกแบบขอไปทีว่า ครั้งนั้นทำแบบนี้มันได้ เคยทำแบบนี้แล้วมันดี ในที่สุดเราก็จะโดนเขาต่อว่ามาอีก ประมาณว่า “ก็แล้วแต่” “ตามใจ” หรือคำพูดต่างๆที่ทำให้เรารู้สึกหดหู่ใจ เพราะความสำเร็จของเราจะไปทำให้คำพูดของเขานั้นไร้ความหมาย มันจะเป็นแบบนี้อยู่บ่อยๆ ไม่ต้องสนใจ ฟังได้แต่อย่าเชื่อทั้งหมด เพราะในหลายๆ คำที่เขาพูดมาอาจมีบางคำที่ทำให้เราเจอกับสิ่งที่เราได้ทำขาดตกบกพร่องไปแล้วนำมาแก้ปัญหาได้เช่นกัน
5.เมื่อเจอต้องต่อยอด
เมื่อเราได้เจอกับสิ่งที่ใช่และสิ่งที่ชอบ เราจำเป็นอย่างมากที่จะต้องทำต่อให้เจอกับหนทางที่ดีที่สุด อย่างอาชีพนักแต่งเพลงหลายคนก็มักจะบอกว่าเพลงแบบนี้แต่งง่ายๆ ก็แน่นอนเพราะคุณเคยได้ฟังแล้วก็จะบอกว่ามันไม่เห็นยากเลย แต่พอได้ลงมือทำ ถึงได้เข้าใจว่ามันไม่ง่ายอย่างที่คิด แต่งเพลงให้เสร็จไม่ใช่เรื่องยาก แต่งเพลงให้เป็นอมตะนั้นต่างหากที่เป็นเรื่องยาก และจะเป็นตรงนั้นได้ก็ต้องทำออกมาอย่างตั้งใจและต้องทำอย่างดีที่สุดทุกครั้ง ไม่ใช่ว่าทุกเพลงจะเด่นจะดัง บางเพลงเราชอบมากก็แค่เพราะฟังผ่านๆ แต่บางเพลงที่มีเนื้อหาโดนทุกคำ จำทุกอักษรแบบนั้นต่างหากที่จะมัดใจคนฟัง นั้นหมายความว่าต้องต่อยอดกับสิ่งที่ชอบอย่าหยุด ทำเพราะมีความสุขไปเรื่อยๆ รับรองไม่มีวันหมดพลัง